โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทโรคที่ใครๆก็เป็นได้
“อโรคยา ปรมาลาภา การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ทุกยุคทุกสมัย แต่จะมีสักกี่คนที่โชคดีไม่ประสบกับภาวะของความไม่มีโรคนี้ได้ ยิ่งในปัจจุบันผู้คนต่างต้องก้มหน้าก้มตาทำมาหากินโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็ปเลต ซึ่งสิ่งเหล่านี้เข้ามามีอิทธิพลต่อคนทุกระดับชั้น ทุกวัย ทุกฐานะในสังคมโดยไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ และด้วยอาการเสพติดเหล่านี้เองที่ก่อให้เกิดโรคที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก หนุ่มสาว หรือแม้แต่วัยทำงานก่อนเวลาอันควร โรคดังกล่าวนี้คือโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท นั่นเอง
ซึ่งแต่ก่อนโรคนี้จะพบเจอในผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ผู้ป่วยที่หกล้ม หรือผู้ป่วยที่ยกของหนักเกินกำลังของตนเอง แต่ในปัจจุบันโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมักพบในกลุ่มคนที่จับเจ่าอยู่กับการเป็นสมาชิกของ “สังคมก้มหน้า” ที่วันๆมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเทคโนโลยีในมือและนั่งอยู่ท่าเดิมอย่างนั้นนานเกินไป จนร่างกายทนไม่ไหวและเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทในที่สุด
การเป็น”โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”จึงกลายมาเป็นโรคท็อปฮิตโรคใหม่สำหรับหนุ่มสาวและคนทำงานในยุคนี้อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธมันไปได้ โดยอาการของโรคนี้สามารถสังเกตได้ง่ายๆคือผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังเป็นระยะเวลาเรื้อรังยาวนาน ไม่ว่าจะกินยา ทายา นวดด้วยยา ประคบร้อน ประคบเย็น หรือไปหาหมอนวดแผนไทยเพื่อนวดคลายความเจ็บปวดแล้วก็ยังมีอาการปวดคงอยู่ เป็นการปวดแบบหนึบๆร้าวลึกๆลงไปภายในส่วนบริเวณหลังของร่างกาย และอาการปวดเหล่านี้จะไม่มีการบรรเทาลงแต่ยิ่งทิ้งระยะเวลายาวนานไปมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีอาการปวดมากขึ้นและลึกลงไปเรื่อยๆ
อาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แบ่งได้ 2 ลักษณะดังนี้
1.อาการปวดบริเวณหลัง
โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างบริเวณข้อต่อ L3 L4 L5 S1 ซึ่งอาการปวดจากการกดทับเส้นประสาทในส่วนนี้จะชาและร้าวจากสะโพกลงไปที่ขาและเท้า หรือในทางกลับกันคือปวดร้าวจากที่เท้าขึ้นมาที่ขาแล้วลามไปที่สะโพก โดยจะเจ็บร้าวลงขานี้จะเกิดกับขาข้างใดข้างหนึ่งไม่ใช่ทั้งสองข้าง ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บปวดในบริเวณหลังส่วนล่างร่วมด้วย ซึ่งอาการเจ็บปวดเหล่านี้จะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการเจ็บเป็นอย่างมากที่บริเวณฝ่าเท้าและจะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อต้องเดินลงน้ำหนักในเท้าข้างนั้นๆ
2.อาการปวดบริเวณคอ
อาการปวดในบริเวณคอของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท นี้ เกิดขึ้นจากการที่กระดูกบริเวณข้อต่อ C3 – C7 ซึ่งเป็นแนวกระดูกที่เกี่ยวเนื่องกับระบบประสาทส่วนแขนกดทับเส้นประสาทในบริเวณนี้ จึงทำให้เกิดอาการชาบริเวณฝ่ามือ โดยอาการชานั้นจะเริ่มจากปลายนิ้วหรือผู้ป่วยอาจมีอาการปวดร้าวที่บริเวณแขนก็ได้ โดยอาการปวดหรือชานี้อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่ง และจะมีอาการร่วมของโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาทนี้ด้วยการที่ผู้ป่วยจะมีอาการของการปวดคอ รวมไปถึงอาการปวดเมื่อยบริเวณสะบักแบบเรื้อรัง และเคลื่อนไหวคอลำบากด้วย โดยอาการปวดในสองลักษณะนี้สามารถเกิดกับผู้ป่วยคนเดียวกันได้ ซึ่งจะทวีความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยมากขึ้นอีกหลายเท่าทวีคูณ
วิธีการรักษาภาวะโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนี้ต้องอยู่ในการควบคุมดุแลของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู รวมไปถึงพยาบาลและนักกายภาพบำบัด ผู้ป่วยไม่ควรที่จะเลือกกินยาเพื่อกดอาการเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว และไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะพบแพทย์เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้อาการจะยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปกลายเป็นผู้ทุพพลภาพได้
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าร่างกายมีอาการเจ็บปวดจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา และปฏิบัติตัวตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยหากไม่สะดวกในการไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล คุณอาจเลือกซื้อเครื่องมือเพื่อดึงกระดูกมาใช้เองที่บ้านก็ได้ แต่ต้องศึกษาวิธีใช้ให้ดี และต้องไม่ลืมสอบถามผู้เชี่ยวชาญถึงวิธีการใช้อย่างเหมาะสมและพบแพทย์ตามนัดด้วย